iLove ไท่ฟู่

คลังเสนอครม.เพิ่มเงินและต่ออายุ “เราชนะ” เยียวยาโควิดระลอกใหม่

คลังเสนอครม.เพิ่มเงินและต่ออายุ “เราชนะ” เยียวยาโควิดระลอกใหม่

สวัสดีครับ แอดฯขอขอบคุณที่ทุกท่านติดตามให้กำลังใจกัน วันนี้มีข่าวคราวเกี่ยวกับ กระทรวงคลังเสนอครม.เพิ่มเงินและต่ออายุ “เราชนะ” เยียวยาโควิดระลอกใหม่ ซึ่งรายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้นมาดูกัน

คลังเสนอครม.ต่ออายุเยียวยาโควิดระลอกใหม่

การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 20 เม.ย.นี้ “กระทรวงการคลัง” จะเสนอแนวทางให้ความช่วยเหลือและเยียวยาประชาชน จากผลกระทบโควิด-19 ให้พิจารณา เนื่องจากประเมินว่า “โควิดฯระลอกใหม่” ส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง จากการแพร่กระจายไปยังทุกจังหวัดทั่วประเทศ จึงจะเสนอให้ต่ออายุและเพิ่มเงินในมาตรการ “เราชนะ” ออกไปอีก 1-2 เดือน จากเดิมที่สิ้นสุดในวันที่ 31 พ.ค.นี้ เป็นสิ้นสุดเดือน มิ.ย.-ก.ค.นี้ ซึ่งจะใช้เงินเพิ่ม 100,000-200,000 ล้านบาท และดำเนินการต่อเนื่องได้ทันที

อย่างไรก็ตาม หาก ครม.เห็นชอบยังต้องหารือกับคณะกรรมการกลั่นกรองเงินกู้ เนื่องจากต้องมีการขออนุมัติและเสนอขอ ครม.โยกเงินในส่วนของการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจากผลกระทบโควิดฯ ซึ่งปัจจุบันเหลืองบไม่มาก ให้มาอยู่ในส่วนของวงเงินเพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิดฯ เพื่อใช้เยียวยาช่วยเหลือประชาชนต่อไป

ผู้รับสิทธิ์พุ่ง 32.8 ล้านคน ยอดใช้จ่ายเฉียด 2 แสนล้าน

น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าของโครงการเราชนะ ณ วันที่ 19 เมษายน 2564 ว่า มีผู้ได้รับสิทธิ์ในโครงการฯ แล้ว รวมทั้งสิ้นจำนวน 32.8 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้วกว่า 199,944 ล้านบาท

ซึ่งเป็นการใช้จ่ายผ่านผู้ประกอบการร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น ที่มีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ร้านค้าคนละครึ่งที่ตกลงยินยอมเข้าร่วมโครงการฯ รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการ ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 1.3 ล้านกิจการ โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

  1. ประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.7 ล้านคน ได้มีการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 73,133 ล้านบาท
  2. ประชาชนกลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้นและยืนยันการใช้สิทธิ์ร่วมโครงการฯ แล้ว จำนวน 16.8 ล้านคน และมีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 112,772 ล้านบาท
  3. ประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติแล้ว จำนวน 2.3 ล้านคน มียอดใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2564 เป็นต้นมา จำนวน 14,039 ล้านบาท

มี “งบกลาง-เงินกู้” ใช้เยียวยาโควิดฯ ได้อีก 2.6 แสนล้าน

นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวว่า ปัจจุบันวงเงินที่ใช้เยียวยาประชาชนจากผลกระทบโควิด-19 เหลืออยู่ประมาณ 300,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.เงินกู้ตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน วงเงิน 1 ล้านล้านบาท ซึ่งเหลืออยู่ 200,000 ล้านบาท และ 2.งบกลางในปี 2564 ซึ่งเดิมตั้งงบกลางไว้ 139,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบกลางรายการสำรองจ่าย ในกรณีฉุกเฉินและจำเป็น 99,000 ล้านบาท ปัจจุบันใช้แล้ว 19,000 ล้านบาท คงเหลือ 80,000 ล้านบาท และงบกลางในส่วนโควิดฯ 40,000 ล้านบาท คงเหลือ 20,000 ล้านบาท โดย 20,000 ล้านบาทที่ใช้ไปนั้น รัฐบาลใช้มัดจำซื้อวัคซีนและเพิ่มค่าตอบแทนให้บุคลากรทางการแพทย์

“รวมแล้วงบกลางที่คงเหลือ 2 ส่วนสามารถใช้ได้ 100,000 ล้านบาท หากนำไปเยียวยาประชาชนคงใช้ 50,000-60,000 ล้านบาท เพราะต้องกันบางส่วนไว้รองรับภัยพิบัติจากภัยแล้ง น้ำท่วม หรืออื่นๆ 40,000-50,000 ล้านบาท ดังนั้นเมื่อรวมเงินกู้ที่เหลือและงบกลางที่ใช้เยียวยาประชาชนได้ จะอยู่ที่ 250,000-260,000 ล้านบาท”

บทความน่าอ่าน

อย่างไรก็ตามในปีงบ 2564 ไม่จำเป็นต้องโอนงบจากส่วนราชการมาใช้เยียวยาผลกระทบโควิดฯเพิ่ม เหมือนปี 2563 ซึ่งขณะนั้นยังไม่ได้ออก พ.ร.ก.กู้เงิน และการโอนเงินจากส่วนราชการใช้เวลา 2-3 เดือน หากจะทำตอนนี้คงไม่ทัน และขณะนี้วงเงินที่เหลืออยู่ยังมีเพียงพอรับมือโควิดฯได้ เพราะการออกมาตรการเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจแต่ละครั้งใช้เงินไม่เกิน 100,000 ล้านบาท ส่วนงบจัดซื้อวัคซีนที่อนุมัติแล้ว 6,000 ล้านบาท อยู่ในส่วนของงบปี 2564 ไม่ได้ตั้งงบจัดซื้อไว้ในงบปี 2565 แต่หากจำเป็นต้องใช้เงิน สามารถใช้งบของกรมควบคุมโรคสำหรับการจัดซื้อวัคซีนทั่วไปได้

เงินไทย ภาพโดย anuvat intarachune จาก Pixabay

หากจำเป็นอาจขยายเพดานหนี้สาธารณะ เพื่อกู้เงินเพิ่ม

นายเดชาภิวัฒน์ กล่าวต่อว่า ในการประชุม ครม.วันที่ 20 เม.ย.นี้ สำนักงบประมาณจะเสนอให้พิจารณา ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ปีงบประมาณ 2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท เพื่อขอจัดทำเอกสารงบประมาณ โดยแบ่งเป็นประมาณการรายได้ 2.4 ล้านล้านบาท และการกู้งบประมาณขาดดุล 700,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากมีการแพร่ระบาดของโควิดฯรอบ 4 รัฐบาลยังมีงบกลางที่จะดึงมาใช้ ได้อีก 89,000 ล้านบาท รวมทั้งงบกลางฉุกเฉินเมื่อจำเป็นที่สำรองไว้สำหรับภัยพิบัติอีก 50,000 ล้านบาท ส่วนความจำเป็นในการกู้เงินเพิ่มเติมจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทนั้น ตามวินัยการเงินการคลังกำหนดว่า หนี้สาธารณะต้องไม่เกิน 60% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ซึ่งสามารถใช้เกณฑ์นี้ได้ในภาวะปกติ แต่ในช่วงโควิดฯถ้าจะกู้เงินเพิ่ม อาจต้องขยับเพดานวินัยการเงินการคลัง

สำหรับแอดฯหากมีการเยียวยาเพิ่ม แอดฯก็ถือว่าดีนะ และก็อยากให้เงินนั้นถึงมือคนที่เดือดร้อนกันทุกคน เพราะรอบนี้ถือว่าเดือนร้อนกันเป็นวงกว้างและจำนวนมากด้วย แต่อีกใจก็เป็นห่วงว่าแล้วเราจะเอาเงินมาจากไหน ต้องกู้เพิ่มอีกหรือบ้านเราก็ต้องเป็นหนี้เพิ่มสิ ท่านละครับมีความเห็นว่าอย่างไร

บทความน่าอ่านและอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ lovetaifu.com

ขอขอบคุณที่มาจาก thairath.co.th