สีของผัก ผลไม้ บ่งบอกถึงคุณประโยชน์ที่แตกต่างกัน ดูเลย
สวัสดีครับ แอดฯขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามให้กำลังใจกัน แอดฯมีข้อมูลดีๆเกี่ยวกับคนรักสุขภาพ ที่ชอบรับประทานผักและผลไม้ ทุกท่านรู้ไหมครับ ว่าผักและผลไม้สีต่างๆ เเต่ละสีมีประโยชน์ที่แตกต่างกัน อยากรู้ไหมครับว่าแต่ละสีให้ประโยชน์แก่ร่างกายอย่างไรไปดูกัน
ผัก ผลไม้สีเขียว
- ผักโขม ผักปวยเล้ง ผักกาดหอม ผักบุ้ง ผักคะน้า แตงกวา กะหล่ำปลี ใบชะพลู ฯลฯ ประโยชน์ให้สารคลอโรฟิลล์ ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันเซลล์ถูกทำลาย
ผัก ผลไม้สีเหลือง – ส้ม
- มะละกอ แครอท ฟักทอง มันเทศ ส้ม สับปะรด ให้สารเบต้าเเคโรทีน ฟลาโวนอยด์ เเละลูทีน ช่วยบำรุงสายตา รักษาสุขภาพของหัวใจ หลอดเลือด ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
บทความน่าอ่าน
- พุทธวจน! น้ำตาที่เคยหลั่งไหล
- ชะลอวัย แก่ช้า ด้วยสมุนไพรเผ็ดร้อนไทย
- TDRI บอกรัฐควรกู้เพิ่มอีก 2.4 ล้านล้านบาท เพื่อเยียวยาโควิด
- สูตรกุ้งอบวุ้นเส้น แสนอร่อย…
ผัก ผลไม้สีน้ำเงิน – ม่วง
- มะเขือม่วง ลูกหว้า กะหล่ำปลีสีม่วง ชมพู่ ดอกอัญชัญ หอมแดง ฯลฯ ให้สารเเอนโทไซยานิน ซึ่งมีส่วนช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ และเส้นเลือดอุดตันในสมอง ยับยั้งเชื้ออีโคไลในทางเดินอาหาร (ซึ่งทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษได้)
ผัก ผลไม้สีขาว-น้ำตาล
- ถั่วเหลือง ลูกเดือย ขิง ข่า กระเทียม หัวไชเท้า งาขาว ช่วยสร้างเซลล์ให้เเข็งเเรง ยับยั้งการเกิดเนื้องอก ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งต่อมลูกหมาก ต้านการอักเสบ ลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดความดันโลหิต ป้องกันเส้นเลือดอุดตัน ลดปริมาณไขมันในเลือด รักษาระบบภูมิคุ้มกัน
ผัก ผลไม้สีแดง
- เเครอท หอมเเดง พริกหวาน พริกชี้ฟ้า มะเขือเทศ แตงโม ทับทิม ส้มโอ แก้วมังกร มะละกอสุก สตรอว์เบอร์รี่ เหล่านี้มีสารไลโคพีนอยู่ในปริมาณสูง มีความสามารถในการต่อต้านอนุมูลอิสระมากกว่าวิตามินอี 100 เท่า เเละมากกว่ากลูตาไธโอนถึง 125 เท่า สารไลโคพีนช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งกระเพาะอาหาร เเละมะเร็งปอด นอกจากนี้ยังช่วยให้ภาวะผิดปกติของร่างกายดีขึ้น เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน กระดูกพรุน เเละภาวะมีบุตรยากในชายอีกด้วย
ไม่น่าเชื่อเลยนะครับ ว่าสีสรรค์ของผักผลไม้แต่ละสี จะมีคุณค่าทางอาหารที่แตกต่างกัน แหมรู้แบบนี้ใครอยากบำรุงส่วนไหนก็เลือกได้ตามใจเลยครับ แต่สำหรับแอดฯขอเลือกทุกสีเลยละกัน (กินอาหารเป็นยาครับทุกท่าน)
บทความน่าอ่านและอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ lovetaifu.com
ขอขอบคุณที่มาจาก Thaihealth.or.th