iLove ไท่ฟู่

แรงงาน! เตรียมปรับค่าแรงขั้นต่ำแน่ แต่ยังไม่ยืนยันที่ 492 บาท

แรงงาน! เตรียมปรับค่าแรงขั้นต่ำแน่ แต่ยังไม่ยืนยันที่ 492 บาท

สวัสดีขอรับ แอดฯขอบคุณท่านที่ติดตามให้กำลังใจกัน มีข่าวกระทรวงแรงงาน พิจารณาเตรียมปรับค่าแรงขั้นต่ำ 2565 ยันมีการปรับขึ้นแน่นอนหวังช่วยลดภาระประชาชน แต่ตัวเลขจะเป็น 492 บาท ตามที่คสรท.เสนอหรือไม่ ยังตอบไม่ได้แต่จะเร่งให้เร็วที่สุด รายละเอียดดูเลย

จากกรณีคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) และสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ได้มีการยื่นข้อเสนอให้รัฐบาลประกาศปรับค่าจ้าง ค่าแรงขั้นต่ำเป็น 492 บาท เท่ากันทั้งประเทศ พร้อมกับการควบคุมราคาสินค้าไม่ให้แพงเกินไป และการสร้างหลักประกันเป็นธรรมแก่คนทำงาน แก้ไขปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ ตามที่มีข่าวนำเสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุด (28 มกราคม 2565) ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี – PMOC รายงานว่า หลังจาก คสรท. และ สรส. ได้เข้าพบนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพื่อหารือเรื่องความคืบหน้าการขอปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ได้ข้อสรุปดังนี้้้

ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 492 บาท

นายสุชาติ ยืนยันว่า จะมีการปรับขึ้นแน่นอน แต่ตัวเลขจะเป็น 492 บาทตามที่ คสรท. เสนอหรือไม่นั้น หรือเป็นเท่าไรยังตอบไม่ได้ แต่จะเร่งให้เร็วที่สุด

ภาพโดย jotoler จาก Pixabay

ทำให้ค่าแรงขั้นต่ำเท่ากันทั้งประเทศ

สำหรับเรื่องนี้ ทางการกระทรวงแรงงานจะพยายามไปหาแนวทางให้ แล้วจะมีการสั่งตั้งคณะทำงาน เพื่อดำเนินการเรื่องโครงสร้างค่าจ้าง เพื่อจะได้เลิกถกเถียงเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งค่าแรงขั้นต่ำเป็นค่าจ้างแรกเข้า จากนั้นจะปรับขึ้นโดยอัตโนมัติทุกปี

ทั้งนี้ จากข้อมูลของกระทรวงแรงงาน อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ที่มีการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2563 พบว่า ค่าแรงขั้นต่ำแต่ละจังหวัดในประเทศไทยได้ไม่เท่ากันซึ่งแบ่งออกเป็น 10 กลุ่ม

โดยกลุ่มที่ได้ค่าแรงขั้นต่ำน้อยสุดอยู่ที่ 313 บาท คือ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (นราธิวาส ปัตตานี ยะลา) ส่วนกลุ่มจังหวัดที่ได้ค่าแรงขั้นต่ำเยอะสุดอยู่ที่ 336 บาท คือ จังหวัดท่องเที่ยวอย่าง จ.ชลบุรี และ จ.ภูเก็ต

ปรับค่าจ้างลูกจ้างภาครัฐ ให้มีค่าจ้างที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน

นายสุชาติ กล่าวว่า จะสั่งการให้ข้าราชการหาตัวเลขลูกจ้างในภาคราชการทุกกระทรวงทั่วประเทศ ว่ามีจำนวนเท่าไร เพื่อเสนอต่อนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลให้พิจารณาปรับค่าจ้างให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เนื่องจากลูกจ้างภาครัฐเกือบทั้งหมดเป็นลูกจ้างชั่วคราว เหมางาน แต่ได้ค่าจ้างต่ำ ไม่มีสวัสดิการใด ๆ
เรื่องการเบิกจ่ายเงินลาคลอดบุตรจาก 90 วัน เป็น 98 วัน

บทความน่าอ่าน

สำหรับการเบิกจ่ายเงินลาคลอดบุตรที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเพิ่มขึ้นจาก 90 วัน เป็น 98 วันนั้น เบื้องต้นตนได้ลงนามในการแก้ไขกฎหมายประกันสังคมแล้ว และส่งให้ ครม. พิจารณาในสัปดาห์หน้า และจะเสนอต่อรัฐสภาเพื่อประกาศบังคับใช้ต่อไป

โดยสาระคือ สำนักงานประกันสังคมจ่าย 4 วัน นายจ้างจ่าย 4 วัน ส่วนการให้สามีลาช่วยภรรยาเลี้ยงดูบุตร 15 วันนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานขอเวลาไปศึกษาก่อน

กับข่าวนี้ก็อาจมีเสียงที่ทั้งยินดีจากฝ่ายลูกจ้าง แต่ทางนายจ้างก็กลัวต้นทุนการผลิตจะเพิ่มขึ้น แล้วท่านละขอรับมีความคิดเห็นประการใด..

บทความน่าอ่านและอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ lovetaifu.com

ขอขอบคุณที่มาจาก money.kapook.com